ปัจจุบัน Content Marketing หรือ การทำการตลาดผ่าน “เรื่องเล่า” นับเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทุกธุรกิจเลือกนำมาใช้ในการดึงดูดลูกค้าและสนับสนุนการขาย ซึ่งแน่นอนว่าธุรกิจร้านอาหารก็ไม่สามารถที่จะมองข้ามการทำ Content Marketing ได้ เพราะ “เรื่องราว” คือสิ่งที่ผู้คนแสวงหาและจะดึงดูดนำพาให้พวกเขาสนใจและกลายมาเป็นลูกค้าของเราได้ในที่สุด แต่คำถามที่อาจทำให้เจ้าของร้านอาหารหลายๆ คนหนักใจก็คือ แล้ว Content แบบไหนกันแน่ล่ะ ที่จะทำให้ลูกค้าสนใจและตามมาเป็นลูกค้าเราได้? ซึ่งคำตอบของคำถามที่ว่ามีองค์ประกอบอยู่ด้วยกันหลักๆ 5 ข้อ ดังต่อไปนี้
1. รู้ว่าเป้าหมายเป็นใคร Content ที่ส่งไปจะได้มีโอกาสถูกใจมากที่สุด
ในการจะทำ Content ร้านอาหารให้ถูกใจผู้คนได้นั้น อันดับแรกสุดที่เราต้องตั้งต้นให้ได้เลยก็คือต้องหาให้เจอว่า “ใครคือกลุ่มเป้าหมายของร้านเรากันแน่?” เพื่อให้สิ่งที่สื่อออกไปนั้นมีโอกาสถูกใจพวกเขาให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ หลายครั้งเรามักจะคิดกันว่า “ทุกคนคือลูกค้าของเรา” แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นไม่ใช่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าร้านเราขายส้มตำไก่ย่าง และเป็นร้านติดแอร์ตั้งอยู่ใกล้ออฟฟิศสำนักงานกลางเมือง กลุ่มเป้าหมายอันดับแรกสุดของเราก็ควรจะเป็น “คนทำงานฐานะปานกลางที่ชอบทานส้มตำไก่ย่างในบริเวณนั้น” ซึ่งพอเรากำหนดแล้วว่า “กลุ่มเป้าหมายคือคนทำงาน” ก็จะทำให้ทราบแล้วว่า “ต้องใช้ภาษาในการสื่อสารอย่างไร?” และ “อะไรคือสิ่งที่น่าจะถูกใจกับกลุ่มเป้าหมาย” ยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนขึ้น จาก Caption โพสต์เชิญชวนมาทานส้มตำไก่ย่าง ดังนี้
ส้มตำไก่ย่างห้องแอร์สูตรเด็ดแสนอร่อย
อิ่มฟินเป็นกลุ่มแชร์กันตกจ่ายคนละไม่ถึงร้อย
เสิร์ฟไว โต๊ะเยอะ ไม่มีต้องให้รอคอย ไม่ต้องหัวร้อน หงุดหงิดนอยด์
กับการขึ้นออฟฟิศสายจนโดนนายเพ่งเล็ง!!
จากตัวอย่าง Caption โพสต์ ข้างต้น จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า “กลุ่มเป้าหมาย” นั้นเจาะจงเป็นกลุ่มคนทำงานออฟฟิศโดยเฉพาะ ซึ่งหยิบเอาสิ่งที่ตอบโจทย์ชีวิตมนุษย์เงินเดือนมาเป็นตัวดึงดูดโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำห้องแอร์ อร่อยได้เป็นกลุ่ม ราคาคุ้มค่า ไม่ต้องคอยนานจนทำให้หัวร้อน ขึ้นทำงานสาย ถูกเจ้านายเขม่น ดังนี้ ข้อความดังกล่าวจึงน่าสนใจ ดึงดูด และทำให้คนออฟฟิศมีโอกาส “อิน” ได้มากกว่า กลุ่มคนอื่นๆ นั่นเอง
2. เมนูมี Story ที่น่าสนใจ มีไอเดียเก๋ไก๋ชวนให้อยากลิ้มลอง
Content ประเภทการแนะนำเมนูเด่น เมนูฮิตประจำร้าน นับเป็นพื้นฐานที่ร้านอาหารทุกร้านต้องมี แต่สิ่งที่ทำให้ร้านเราแตกต่างและน่าสนใจกว่าร้านอื่นๆ ทั่วไปในเมนูประเภทเดียวกันก็คือ “เรื่องราว” หรือ “กิมมิค” ในการนำเสนอเมนูนั้นๆ อย่างเช่นถ้าร้านเราขาย “ข้าวหน้าเป็ด” เราก็ต้องหาวิธีนำเสนอที่ทำให้ข้าวหน้าเป็ดของเราแตกต่างจากข้าวหน้าเป็ดเจ้าอื่นๆ ให้ได้ เพื่อดึงดูดให้ว่าที่ลูกค้า กลายมาเป็นลูกค้าจริงๆ ทั้งนี้ แนวทางในการ สร้างความน่าสนใจให้ “เมนู” อาหารของเราได้ เช่น “การเติมชื่อเมนูให้น่าสนใจ”
โดยการเพิ่มคำหรือกิมมิคเข้าไปอีกนิดเพื่อสร้างความแตกต่าง เช่น ข้าวหน้าเป็ดนุ่ม ข้าวหน้าเป็ดสวรรค์ ข้าวหน้าเป็ดหมักเนย ข้าวหน้าเป็ดปักกิ่ง, ข้าวหน้าเป็ดหลังสวน, ข้าวหน้าเป็ดนายร้อย ฯลฯ โดยคำที่หยิบมาเติมต่อท้ายคำว่า “ข้าวหน้าเป็ด” นั้น คือการบอกเล่าเรื่องราวว่า “เป็ดเรา” ต่างจาก “เป็ดคนอื่น” อย่างไร แล้วเราก็นำเรื่องราวเหล่านั้น มาเล่าขยายต่อในการบรรยายความโดดเด่นของเมนู เทคนิคนี้แม้เป็นการเติมคำเพียงเล็กน้อย แต่ว่าก็สามารถทำให้เมนูดูมี Story มีเรื่องราว มีที่มาที่ไปที่น่าสนใจมากขึ้น
3. รูปเมนูต้องน่าทาน อย่าปล่อยผ่านถ้ายังไม่ดีพอ
รูปอาหารที่ใช้ในการนำเสนอ คือสิ่งสำคัญที่สุด ที่ถือเป็นหัวใจที่เจ้าของร้านอาหารทุกคนต้องระลึกไว้เสมอว่า “ถ้าไม่สวยพอ” อย่าลงเด็ดขาด เพราะนั่นไม่เพียงจะเป็นการทำให้เราเสียโอกาสในการ “สร้างความน่ากิน” ให้เกินขึ้นในใจลูกค้าแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ “ลูกค้ารู้สึกไม่ดีกับอาหารร้านเราด้วย” เพราะถ้าภาพสวยน่าทาน บวกกับการได้อ่านเรื่องราวของอาหารจานนั้นแล้วล่ะก็ ยังช่วยทำให้เกิดความอยากลองมาพิสูจน์ได้ไม่ยาก แต่กลับกันต่อให้เราบรรยายดีแค่ไหน มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากแค่ไหน ถ้ารูปอาหารที่นำเสนอออกไปนั้นทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกดึงดูดใจ Content อาหารของเราก็จะถูกเลื่อนหายไปจากสายตาของผู้คนบนโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว
4. มีคำแนะนำบอกต่อ เป็นเหยื่อล่อให้อยากลิ้มลอง
“รีวิว” คือ หนึ่งในประเภท Content ที่ร้านอาหารทุกร้านต้องผลิตให้มีเกิดขึ้น เพราะหมายถึงการการันตีว่า “อาหารร้านเรานั้น” ดีมากน้อยแค่ไหน และคู่ควรกับการที่จะเดินทางไปอุดหนุนหรือเปล่า ทั้งนี้ ในการทำ Content รีวิวนั้น สามารถทำได้หลายลักษณะ อาทิ การสัมภาษณ์ความรู้สึกของลูกค้าที่มีต่อเมนูอาหาร หรือความรู้สึกที่มีต่อการมารับประทานอาหารที่ร้านของเรา เป็นบทความ หรือการให้ดาว ให้คะแนน ง่ายๆ สั้นๆ ก็ถือว่าเป็นรีวิวที่สร้างกิมมิคให้ดึงดูดใจได้เช่นกัน ทั้งนี้ เราสามารถนำรีวิวลูกค้าสั้นๆ มาทำเป็น Caption Post ประกอบกับรูปเมนู และเรื่องราวของเมนู ทำเป็น Content โปรโมทง่ายๆ ได้ เช่น
ตัวอย่าง Caption
“อร่อยจริงๆ”, “ถ้าได้ลองแล้วยังไงก็ต้องเบิ้ลครับ”, “อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นสายเนื้อถ้ายังไม่ได้ลองจานนี้!!” ฯลฯ ส่วนหนึ่งจากความรู้สึกของเหล่าบรรดาสายเนื้อ ที่มีโอกาสได้ลองชิม “ข้าวหน้าเนื้อเตาถ่าน” เมนูในตำนานที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นมาครั้งแรกตั้งแต่รุ่นคุณปู่จนกระทั่งสู่รุ่นปัจจุบัน ความอร่อยและความนุ่มของเนื้อสันชั้นดี ที่ราดน้ำซอสสูตรเฉพาะตัว ก็ยังไม่เคยทำให้ใครผิดหวังเลยแม้แต่คนเดียว เชิญร่วมพิสูจน์ความเป็นสายเนื้อในตัวคุณได้ทุกวัน ที่นี่ ที่เดียว!!
5. มีไม้ตายตอนสุดท้าย ปิดการขายด้วยโปรโมชั่น
วัตถุประสงค์ของการทำ Content เพื่อดึงดูดคนให้เข้ามาเป็นลูกค้าในร้านเรานั้น ลำดับสุดท้ายที่สำคัญที่สุดเลยคือ “Call To Action” หรือไม้ตายที่จะทำให้ลูกค้า “ตัดสินใจ” มาเป็นลูกค้าเราในทันที ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนั้นคือ “โปรโมชั่น” ที่อาจเป็นการดึงดูดด้วยราคาพิเศษ ส่วนลดการทานเป็นกลุ่ม ส่วนลดทานครั้งต่อไป หรือของแถมสิทธิพิเศษอะไรก็ได้ตามเหมาะสม ที่สามารถเร่งรัดการตัดสินใจของลูกค้าให้มาที่ร้านเราในทันที ทั้งนี้ หลายครั้ง เราทำ Content ดี เล่าเรื่องดี ตรงกลุ่มเป้าหมาย รูปภาพสวย ลูกค้าพอใจกับสิ่งที่เรานำเสนอก็จริงอยู่ แต่ก็อาจเกิดอาการประมาณ “เอาไว้ค่อยไปกินแล้วกัน”
ซึ่งพอเวลาผ่านไป ร้านเราก็อาจหลุดหายไปจากความทรงจำลูกค้าก็ได้ แต่กลับกันหากลูกค้าสนใจในสิ่งที่เรานำเสนอแล้ว เลื่อนมาอ่านเจอโปรโมชั่น ประมาณ “มา 3 จ่าย 2”, “ราคาพิเศษเฉพาะสิ้นเดือนนี้”, “ราคาเปิดซิงลูกค้าใหม่เราลดให้จ่ายแค่ครึ่งเดียว” ฯลฯ ข้อความเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าไม่ลังเล และตัดสินใจมาที่ร้านเราเร็วขึ้น ซึ่งเมื่อมาเจอกับคุณภาพอาหารและรสชาติที่ถูกปาก ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะเกิดการบอกต่อ และกลับมาฝากท้องซ้ำเป็นครั้งที่สองที่สามตามมา
Content สำหรับร้านอาหารนั้น เปรียบไปแล้วก็เหมือนกับ “รูปและกลิ่น” ของอาหาร ถ้าเราทำ Content ดี น่าตาน่าทาน ลูกค้าเห็นแล้วก็อยากชิม ถ้าเราทำ Content ตรงกลุ่มเป้าหมาย ก็เหมือนกลิ่นอาหารที่หอมหวนชวนให้ลูกค้าตามรอยมาจนเจอว่าแท้จริงแล้วรสชาตินั้นจะดีจริงหรือไม่ ทั้งนี้ รูปแบบของ Content ร้านอาหารนั้นแท้จริงแล้วสามารถทำได้หลากหลายมาก ทั้งบทความ วีดีโอ ภาพชุด ฯลฯ แต่องค์ประกอบสำคัญๆ ที่เป็นหัวใจหลักของการดึงดูดให้ลูกค้าเข้าร้านได้มากที่สุดก็คือ 5 สิ่งที่กล่าวไปข้างต้น อันได้แก่ ต้องตรงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่ ต้องมีเรื่องเล่ามีกิมมิคน่าสนใจ ต้องมีภาพอาหารที่ชวนแล้วน้ำลายไหล ต้องมีคำการันตีที่น่าไว้ใจ และต้องมีโปรโมชั่นที่เร้าใจมากพอ ซึ่งหากเราทำ Content อย่างสม่ำเสมอ นำเสนอเรื่องราวของร้าน เมนูอาหาร และบรรยากาศความสุขของลูกค้าที่มาใช้บริการทุกวันอย่างต่อเนื่องแล้วล่ะก็ ในไม่ช้ากลุ่มเป้าหมายจะเกิดความรับรู้ แล้วค่อยๆ เดินทางมาสู่ร้านเราเพื่อพิสูจน์ความอร่อยตาม Content เรื่องเล่าที่พวกเขาได้รู้มา
สำหรับเพื่อน ๆ ร้านอาหารท่านใด สนใจทำ Content สำหรับร้าน แต่ไม่มีเวลา หรือ ไม่สะดวกที่จะทำเอง สามารถปรึกษา วางแนวทาง และใช้บริการทีมงานของเรา ให้ช่วยดูแลได้นะครับ ติดต่อได้ที่นี่เลยครับ บริการทำการตลาดร้านอาหาร