เมื่อตรุษจีนเวียนมาถึง การเฉลิมฉลองก็มักจะคึกคักเป็นประจำทุกปี โดยไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็แล้วแต่ ชาวจีนก็ยังคงให้ความสำคัญกับการเฉลิมฉลองในวันตรุษจีนเสมอ เพราะถือเป็นการสร้างสิริมงคล เสริมสิ่งดีๆ ให้กับตัวเองในวันขึ้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวแดนมังกร
ทั้งนี้ เมื่อพูดถึงเมนูมงคลในวันตรุษจีนแล้ว ทุกคนก็คงจะคิดถึงกันแต่ เมนู หมู ไก่ ปลา เป็นหลัก แต่ทราบหรือไม่ว่า กุ้ง โดยเฉพาะ “กุ้งล็อบสเตอร์” นั้น ก็ถือเป็นหนึ่งในเมนูไฮไลท์สำคัญ ที่ปัจจุบันทุกโต๊ะจีนในภัตตาคารใหญ่ ต้องมี ล็อบสเตอร์ เสิร์ฟรวมอยู่ด้วย โดยเหตุผลที่ทำให้ ล็อบสเตอร์ คือหนึ่งในเมนูที่ขาดไม่ได้ในเทศกาลตรุษจีนนั้น ได้แก่
1.กุ้ง มีความหมายถึงชีวิตที่รุ่งเรือง
ตามความเชื่อของคนจีนแล้ว กุ้ง เป็นสัตว์ที่มีความเป็นมงคล โดยเชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่รุ่งเรือง ส่งเสริมยศ ตำแหน่งให้มีความก้าวหน้า
ซึ่งล็อบสเตอร์นั้นถือเป็นกุ้งใหญ่ เป็นราชาแห่งกุ้ง การรับประทานกุ้งล็อบสเตอร์ในวันตรุษจีน จึงเปรียบเสมือนการนำความรุ่งเรืองก้าวหน้า เข้ามาสู่ชีวิต เป็นการก้าวเริ่มต้นปีใหม่ ด้วยความรุ่งโรจน์ ซึ่งยิ่งล็อบสเตอร์มีขนาดใหญ่มากเท่าไร ก็ยิ่งมีความเป็นมงคลมากเท่านั้น
2.สีของล็อบสเตอร์คือสีแห่งความเป็นมงคล
โดยปกติแล้วล็อบสเตอร์จะไม่ได้มีสีแดงส้ม แต่จะมีสีน้ำตาลดำ หรือเป็นสีอื่นๆ ไปเลยตามแต่สายพันธุ์ แต่สำหรับแคนนาเดี้ยนล็อบสเตอร์ เมื่อนำมานึ่งจนสุกแล้ว สีเปลือกด้านนอกจะกลายเป็นสีส้มแดง
ซึ่งสำหรับชาวจีนแล้ว สีแดงถือว่าเป็นสีของความเป็นมงคล ทำให้ล็อบสเตอร์ได้รับการนำมาทำเป็นเมนูปรุงสุกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะในช่วงเทศกาลตรุษจีนอย่างแพร่หลาย เพราะถึงว่าช่วยส่งเสริมความโชคดีให้ได้ในช่วงเทศกาลปีใหม่
3.เสียงในภาษาจีนคำว่ากุ้ง คล้ายกับเสียงหัวเราะ
นอกจากความหมายมงคลในตัวกุ้ง และสีสันที่ปรุงสุกแล้วเป็นสีแห่งความรุ่งเรือง กุ้งในภาษาจีน ที่ออกเสียงว่า “เซีย” นั้น ยังคล้ายกับคำว่า “เซียว” ที่แปลว่า “หัวเราะ”
ดังนั้นเองจึงยิ่งเพิ่มความหมายที่ดี และความเป็นมงคลให้กุ้งไปอีกเท่าตัว ซึ่งสำหรับการทานล็อบสเตอร์ในวันตรุษจีนที่เป็นกุ้งใหญ่แล้ว ก็จึงหมายความว่าเป็นการนำพาความสุข ความรื่นรมย์ และความเป็นมงคลมหาศาลให้ผ่านเข้ามาในชีวิต
ปัจจุบันชาวจีนนิยมรับประทานล็อบสเตอร์กันในวันตรุษจีน และเทศกาลมงคลอื่นๆ มากขึ้น ด้วยมงคลความหมายต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว โดยมูลค่าการส่งออกกุ้งล็อบสเตอร์ของสหรัฐอเมริกาต่อปีไปยังประเทศจีนนั้น ไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ