แค่พูดถึง ปลาแซลมอน ก็ทำให้ใครหลายคนถึงกับน้ำลายไหลกันเลยทีเดียว ด้วยรสชาติของเนื้อปลาที่หวาน นุ่ม ละมุน เป็นใครก็อดใจไม่ไหวอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ไม่ว่าจะนำ ปลาแซลมอน ไปประกอบอาหารในรูปแบบไหน ก็แสนจะโคตรอร่อย
อร่อยขนาดที่ว่า ในปี 2560 ปลาแซลมอน ติดอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่นที่มีผู้คนบริโภคมากที่สุด และในปี 2563 ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ ได้เผยตัวเลขส่งออกอาหารทะเล
พบว่า ประเทศไทยมีการนำเข้าปลาแซลมอนสดมากถึง 16,771 ตัน หรือมูลค่าราว ๆ 3.65 พันล้านบาท สำหรับใครที่สนใจ หรือเป็นสาวกปลาแซลมอน อยากทราบข้อมูลมากยิ่งขึ้น บทความนี้ เรียกได้ว่า ตอบโจทย์ ถูกใจทุกคนอย่างแน่นอน
เลือกหัวข้ออ่าน
ทำความรู้จักปลาแซลมอน
ปลาแซลมอน ถือเป็นปลาที่มีการใช้ชีวิตที่แปลกประหลาดกว่าปลาชนิดอื่น ๆ เพราะว่าเวลาที่ปลาแซลมอนเกิด จะเกิดในแม่น้ำหรือน้ำจืด แต่กลับไปใช้ชีวิตในทะเลหรือน้ำเค็ม นั่นเอง
พอหลังจากผสมพันธุ์เสร็จ ถึงเวลาวางไข่ ปลาแซลมอน ก็จะกลับมาวางไข่ในแม่น้ำ และตายจากไป จากนั้น ลูกปลาที่ฟักออกมาจากไข่ก็จะว่ายน้ำออกสู่ทะเล ไปใช้ชีวิต ดังเดิม วนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ
ปลาแซลมอนมีกี่ประเภท
ปลาแซลมอน แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ สายพันธุ์ที่มาจากมหาสมุทรแปซิฟิค และ สายพันธุ์ที่มาจากมหาสมุทรแอตแลนติก
สายพันธุ์ที่มาจากมหาสมุทรแปซิฟิค
สำหรับปลาแซลมอนสายพันธุ์ที่มาจากมหาสมุทรแปซิฟิค มีด้วยกัน 6 สายพันธุ์ ได้แก่
- ปลาแซลมอนแดง หรือ ซอคอาย (Red Salmon or Sockeye)
ปลาแซลมอนซอคอาย มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศแคนาดา และ แคลิฟอร์เนีย ชอบทานกุ้งแดงตัวเล็ก ๆ เป็นอาหาร ลักษณะเนื้อมีสีแดงถึงสีแดงเข้ม มีไขมันน้อย เนื้อมีความแน่น
แถมยังได้ขึ้นชื่อว่า เป็นปลาแซลมอนที่ให้วิตามินโอเมก้า 3 อย่างเต็มเปี่ยมอีกด้วย คนญี่ปุ่นชื่นชอบอย่างมาก มักนำปลาแซลมอนซอคอายทำเป็นซาซิมิ
- ปลาแซลมอนชมพู หรือ พิงค์แซลมอน (Pink Salmon)
ปลาแซลมอนชมพู สามารถพบในน่านน้ำตะวันตกของไซบิเรีย จนถึงประเทศเกาหลี ลักษณะเนื้อมีสีชมพูอ่อน ๆ เนื้อสัมผัสมีความนุ่ม รสชาติจืดกว่าปลาแซลมอนซอคอาย ไขมันน้อย
ส่วนในเรื่องของราคาไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ ราคาถูกกว่าปลาแซลมอนซอคอายอีก คนส่วนมากนิยมนำปลาแซลมอนชมพูมาบรรจุในกระป๋อง
- ปลาแซลมอนโคโฮ (Coho salmon)
ถ้าต้องการไข่ปลาแซลมอนที่มีคุณภาพดีแล้วล่ะก็ ปลาแซลมอนโคโฮคือที่สุดแล้วค่ะ ปลาแซลมอนสายพันธุ์นี้ สามารถพบได้แถวชายฝั่งอลาสก้า และประเทศแคนาดา
ลักษณะของเนื้อมีสีส้มสด แต่ต้องระวังอ้วนนะคะ เพราะปริมาณไขมันสูงปรี๊ด แต่ถ้าเทียบกับปลาแซลมอนชินุค ปริมาณไขมันน้อยกว่ามากค่ะ
- ปลาแซลมอนมาสุ ( Masu salmon ) หรือปลาแซลมอนเชอร์รี่ ( cherry salmon)
ปลาแซลมอนมาสุ สามารถพบได้ที่แถบทะเลประเทศเกาหลีใต้, ประเทศไต้หวัน, และประเทศญี่ปุ่น ปลาแซลมอนมาสุที่โตเต็มที่ จะมีหลังสีเข้มและแถบด้านข้างลำตัวจะกลายเป็นสีแดงสดถึงสีแดงเลือดนก เหมาะแก่การนำไปย่างหรืออบ
- ปลาแซลมอนชัม (Chum Salmon)
คนญี่ปุ่นมักเรียกปลาแซลมอนชัมว่า ชิโรซาเกะ สามารถพบได้แถวตะวันออกของไซบีเรีย ไปจนถึงประเทศรัสเซีย ลักษณะเนื้อมีสีชมพูอ่อนถึงชมพูเข้ม และเป็นปลาแซลมอนที่มีขนาดไข่ใหญ่กว่าปลาแซลมอนชนิดอื่น ๆ
- ปลาแซลมอนชินุค (Chinook salmon)
สำหรับผู้ที่รักการทานปลาแซลมอน คงไม่มีใครไม่รู้จักปลาแซลมอนชินุค ปลาแซลมอนที่ได้รับฉายาให้เป็น King Salmon เพราะว่าเป็นปลาแซลมอนที่ดีที่สุด อร่อยที่สุด หายากที่สุด และราคาก็ยังแพงที่สุดอีกด้วย
สามารถพบได้ในแถบทะเลประเทศโคลัมเบีย, ประเทศอเมริกา, และประเทศนิวซีแลนด์ ลักษณะเนื้อมีสีส้มเข้มจนถึงเนื้อขาว มีลายและไขมันที่เยอะ เนื้อสัมผัสไม่หนึบและไม่นุ่มมากจนเกินไป
การันตีเลยว่า รสชาตีดีกว่าปลาแซลมอนสายพันธุ์อื่นอย่างแน่นอน ส่วนในเรื่องของราคาอยู่ที่ 2000 บาทต่อกิโลกรัม เหมาะสำหรับทำเป็นซาซิมิและสเต็ก
สายพันธุ์ที่มาจากมหาสมุทรแอตแลนติก
สำหรับปลาแซลมอนสายพันธุ์ที่มาจากมหาสมุทรแอตแลนติก มีด้วยกัน 3 สายพันธุ์ ได้แก่
- ปลาแซลมอนนอร์วิเจียน (Norwegian Salmon)
ปลาแซลมอนนอร์วิเจียน ถือเป็นปลาแซลมอนที่หาทานง่ายที่สุดในประเทศไทย และเป็นที่นิยมอย่างมากในท้องตลาดและร้านอาหาร สามารถพบได้ที่ประเทศนอร์เวย์
ลักษณะเนื้อมีสีส้มนวล นุ่ม แน่น หนึบ มีก้างน้อย ลายชั้นไขมันสม่ำเสมอ มีกลิ่นคาวนิด ๆ ราคาอยู่ที่ 800 – 1000 ต่อกิโลกรัม นิยมนำมาทำเป็นซาซิมิ
- ปลาแซลมอนแทสมาเนียน (Tasmanian Salmon)
ปลาแซลมอนแทสมาเนียน สามารถพบได้ที่ประเทศออสเตรเลีย ลักษณะเนื้อมีสีส้มเข้มกว่าปลาแซลมอนนอร์วิเจียน มีลายที่คล้ายกัน เนื้อสัมผัสนุ่ม กลิ่นหอม และที่สำคัญไขมันน้อยอีกด้วย แถมราคาไม่แรงเท่าปลาแซลมอนชินุค
- ปลาแซลมอนสก็อตทิช (Scottish Salmon)
ปลาแซลมอนสก็อตทิช สามารถพบได้ที่ประเทศสกอตแลนด์ ลักษณะเนื้อมีสีแดงอมส้ม รสชาติหวานมัน มีปริมาณไขมันมากกว่าปลาแซลมอนนอร์วิเจียนและปลาแซลมอนแทสมาเนียน
ปลาแซลมอนที่นิยมขายตามท้องตลาดและร้านอาหาร
สำหรับปลาแซลมอนที่นิยมขายตามท้องตลาด หรือตามร้านอาหาร หลัก ๆ มี 4 สายพันธุ์ ได้แก่ ปลาแซลมอนแทสมาเนียน, ปลาแซลมอนนอร์วิเจียน, ปลาแซลมอนชินุค, และปลาแซลมอนชิลี
แต่มีปลาชนิดหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดคิดว่า เป็นปลาแซลมอน เพราะด้วยลักษณะที่คล้ายปลาแซลมอนมาก ๆ ทั้งสีและลายเนื้อ นั่นคือ ปลาฟยอร์ดเทราต์
แล้วเราจะมีวิธีการสังเกตอย่างไรล่ะว่า ปลาที่เราต้องการจะซื้อเป็นปลาแซลมอนจริง ๆ หรือเป็นแค่ปลาฟยอร์ดเทราต์ วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ปลาฟยอร์ดเทราต์ จะมีสีส้มสดกว่าปลาแซลมอน เนื้อนุ่ม
แต่เวลาโดนลมเนื้อจะแตก ราคาอยู่ที่ 800 – 1000 ต่อกิโลกรัม สามารถพบได้ที่ประเทศนอร์เวย์ ส่วนปลาแซลมอนแท้ ๆ เวลานำไปย่างเนื้อจะแน่น เด้ง อย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ
ทำไมต้องเป็นปลาแซลมอนจากประเทศนอร์เวย์
หลายคนสงสัยทำไมผู้ประกอบการส่วนใหญ่ หรือผู้บริโภครายอื่นเลือกปลาแซลมอนจากประเทศนอร์เวย์ อย่างแรกเลย เรื่องของสภาพแวดล้อม
น้ำทะเลในประเทศนอร์เวย์ อุดมไปด้วยแร่ธาตุจำนวนมาก มีกระแสน้ำไหลผ่านกระชังปลาอย่างอิสระ ทำให้ปลาแซลมอน ประเทศนอร์เวย์มีสุขภาพดี แข็งแรง และมีรสชาติสดใหม่
สำหรับผู้ที่เลี้ยงปลาแซลมอน เพื่อส่งออกขาย ยิ่งจำเป็นต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของปลาแซลมอนอย่างมาก อย่าทำให้ปลาแซลมอนเครียด เพราะมันส่งผลเสียต่อรสชาติของอาหาร และฟาร์มเลี้ยง อาจโดนสั่งปิดได้
แต่สำหรับประเทศนอร์เวย์ ไม่มีเรื่องนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะมีระบบฟาร์มที่ดี แถมไม่ใช้ยาแอนตี้ไบโอติค (ผลข้างเคียงของยาจะทำให้ดื้อยา)
หรือถ้าพบว่า มีปรสิตในบ่อปลา ก็จะทำการย้ายปลาไปไว้ที่บ่ออื่นทันที และใช้น้ำร้อนฆ่าปรสิตในบ่อ แทนการใช้ยาฆ่า เพื่อไม่ให้มีสารตกค้างในบ่อ นั่นเอง
ก่อนส่งออกขาย ทางประเทศนอร์เวย์มีการตรวจสอบคุณภาพปลาแซลมอนอย่างเข้มงวด มีมาตรฐานสูง เพราะเหตุนี้ จึงทำให้ปลาแซลมอน ประเทศนอร์เวย์
กลายเป็นแหล่งผลิตและส่งออกปลาแซลมอนอันดับ 1 ของโลก หากใครจะทานปลาแซลมอนแบบดิบ ๆ สามารถทานได้ ไม่ต้องกังวลว่า จะเป็นอันตรายเลยค่ะ
ริ้วสีขาว ๆ ที่แทรกในเนื้อปลาแซลมอนคืออะไร ?
เรามักจะพบว่า ในเนื้อปลาแซลมอนสีส้ม ๆ จะมีริ้วสีขาวแทรกสลับกันอยู่ ความจริงแล้วคือ ไขมัน ซึ่งไขมันจะทำให้เนื้อของปลาแซลมอนมีรสสัมผัสที่นุ่ม ไม่แข็งกระด้างแบบเนื้อปลาชนิดอื่น ๆ
สิ่งที่ทำให้ไขมันหรือริ้วสีขาว ๆ ในเนื้อปลาแซลมอนมีความแตกต่างกันคือ สายพันธุ์และแหล่งที่อยู่อาศัย ปลาแซลมอนที่เลี้ยงในฟาร์มจะมีไขมันเท่า ๆ กัน ส่วนการเลี้ยงแบบตามธรรมชาติ ไขมันในปลาแซลมอนแต่ละตัวจะมีไม่เท่ากัน บางตัวมีไขมันที่น้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลย
แต่ถ้าเทียบกันแล้ว การเลี้ยงตามธรรมชาติ ไขมันน้อยกว่าการเลี้ยงในฟาร์มอย่างแน่นอน แถมให้เนื้อที่มีความแน่นกว่า เพราะปลาแซลมอนที่เลี้ยงตามธรรมชาติมีพื้นที่ในการแหวกว่ายมากกว่าการเลี้ยงในฟาร์ม
แล้วแบบนี้ปลาแซลมอนที่มีไขมันแทรกอยู่ไม่ดีใช่ไหม? ดีค่ะ ถ้าทานในปริมาณที่เหมาะสม ไขมันในเนื้อปลาแซลมอนเป็นไขมันดี (ไขมันดีคือ กรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว มีประโยชน์ต่อร่างกาย) อีกทั้ง มีโอเมก้า 3 สูง
แต่ถ้าคุณกำลังลดความอ้วน การทานปลาแซลมอนที่มีไขมันเยอะ และทานในปริมาณที่มากเกินไป ก็จะทำให้อ้วนได้ ควรเลือกปลาแซลมอนที่มีสีส้มทั้งชิ้น หรือมีไขมันแทรกน้อย ๆ จะดีกว่าค่ะ
ประโยชน์ของปลาแซลมอน
รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม, รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด, รักษาสายตา, ป้องกันโรคประสาทจอตาเสื่อม, เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ในเด็กเล็ก, ช่วยให้นอนหลับง่าย หลับสนิทตลอดทั้งคืน, รักษาโรคข้อกระดูกอักเสบ, ลดอาการซึมเศร้า, ป้องกันเซลล์เสื่อมสภาพ, ลดอาการอักเสบ, ควบคุมความดันโลหิต, มีสารต้านอนุมูลอิสระ, ลดการเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งบางชนิด, ลดความดันโลหิต, ช่วยลดอาการเย็นของมือและเท้าในผู้ป่วยโรคเรย์นอค
ส่วนต่าง ๆ ของปลาแซลมอน สามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง
1.Top Loin
Top Loin เนื้อบริเวณส่วนบน ส่วนของลำตัว ก่อนถึงโคนหาง มีไขมันดีอยู่มาก เหมาะแก่การนำมาทำซาซิมิสุดๆ
2.Loin
Loin เป็นส่วนของเนื้อสันกลางลำตัวของปลาแซลมอน มีเนื้อเยอะสุด ลายไขมันสวย และเป็นส่วนที่มีโอเมก้า 3 สูงมาก นิยมนำมาทำเป็นซาซิมิ
3.Belly
Belly เป็นส่วนท้องปลาแซลมอน เนื้อมีความนุ่ม ละมุนลิ้นสุด ๆ เลยค่ะ ใครที่ลดความอ้วน แนะนำว่า ทานน้อย ๆ นะคะ เพราะเป็นส่วนที่มีไขมันมากที่สุด เหมาะสำหรับนำไปทำเป็นซาซิมิ แต่ร้านอาหารส่วนใหญ่จะนำไปย่างกับเกลือ ทอดกรอบ
4.Second Cut
Second Cut เป็นส่วนที่ใกล้โคนหาง ไม่แนะนำให้ทำเป็นซาชิมิ เพราะมีไขมันน้อยมาก และลายเนื้อไม่สวย นำไปทำเป็นสเต็กจะเวิร์คกว่าค่ะ
5.Tail
TAIL เป็นส่วนหางของปลาแซลมอน และเป็นส่วนที่บางที่สุด ไม่มีไขมันเลย เหมาะสำหรับนำไปทำเป็นสลัดแซลมอน ไม่แนะนำให้ย่าง เพราะสุกง่ายมาก หากควบคุมความร้อนไม่ดี เนื้อปลาแซลมอนจะแข็ง
และอีกส่วนหนึ่ง ที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ นั่นคือ ส่วนหัวปลาแซลมอน มีครอบครัวไหนเป็นบ้างคะ คุณพ่อคุณแม่ มักจะนำหัวปลาแซลมอนมาต้มซีอิ๊ว ยิ่งทานช่วงหน้าหนาวนะ ฟินมาก ๆ
เราจะเห็นว่า ทุกส่วนของปลาแซลมอน ล้วนนำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง สำหรับใครที่คิดเมนูอาหารเย็นนี้ไม่ออก แนะนำ หัวปลาแซลมอนต้มซีอิ๊ว ไม่ก็ปลาแซลมอนย่างร้อน ๆ ทานกับซอสญี่ปุ่น หรือทานกับข้าวสวยก็ลงตัวสุด ๆ
หมายเหตุ คนไทยนิยมทานปลาแซลมอนดิบ ส่วนที่นิยมทานมากที่สุด ได้แก่ Top Loin, Loin, Belly ส่วนทางแถบยุโรป เราจะไม่ค่อยเห็นพวกเขาทานปลาแซลมอนดิบ ๆ เพราะเขาจะนำทุกส่วนปรุงให้สุกเสียก่อน
วิธีการเลือกปลาแซลมอน
- ควรเลือกปลาแซลมอนที่มีสัญลักษณ์ SEAFOOD FROM NORWAY สัญลักษณ์นี้จะ บ่งบอกถึงแหล่งที่มาของอาหารทะเลคุณภาพสูง จากประเทศนอร์เวย์
- เลือกปลาแซลมอน ที่มีตาใสสีดำเป็นประกาย เหงือกสีแดงสด ไม่คล้ำเป็นสีน้ำตาล เกล็ดติดอยู่กับตัวปลาแซลมอน เนื้อมีความสีส้มสด ไม่ส้มจี๊ดหรือจืดชืดจนเกินไป ลวดลายชัดเจน เนื้อดูฉ่ำ แน่น ยืดหยุ่น กดแล้วเนื้อเด้ง แต่ถ้าปลาแซลมอนไม่สดกดแล้ว เนื้อปลาแซลมอนจะแตกออกจากกัน
- ปลาแซลมอนที่คุณภาพดี จะไม่มีกลิ่นคาว หรือกลิ่นคล้ายแอมโมเนีย
- เลือกซื้อร้านที่มีคุณภาพ ปลอดภัย เช่น Makro, Thammachart Seafood, Tops Supermarket เป็นต้น
- ตรวจดูวันที่ผลิตและวันหมดอายุ
การวัดค่าสีส้มในเนื้อปลาแซลมอน
เครื่องมือที่ใช้ในการเทียบสีของเนื้อปลาแซลมอน เรียกว่า SalmoFan สีของเนื้อปลาแซลมอนมีตั้งแต่สีเข้มออกแดงไปจนถึงสีขาว
เฉดสีปลาแซลมอนขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ อายุ และขนาดของปลาแซลมอน อย่างปลาแซลมอนสายพันธุ์แอตแลนติก ควรมีค่าสีอยู่ที่ 23-27 ยิ่งมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ สีก็จะเข้มขึ้นเท่านั้น
เรื่องที่คุณยังไม่รู้ เกี่ยวกับปลาแซลมอน
- แซลมอน มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน คือคำว่า “Salmo” หมายถึง การกระโดด ซึ่งเป็นพฤติกรรมธรรมชาติของปลาแซลมอนที่จะต้องว่ายทวนน้ำ และกระโดดไปตามต้นน้ำ เพื่อวางไข่
- ปลาแซลมอนในไทย 80% ไม่ได้มาจากประเทศญี่ปุ่น แต่มาจากประเทศนอร์เวย์
- ประเทศนอร์เวย์ มีการส่งออกปลาแซลมอนอับดับ 1 ของโลก ส่วนอันดับ 2 เป็นของประเทศชิลี
- 75% ของปลาแซลมอนที่เราทานกันทุกวันนี้คือ ปลาแซลมอนเลี้ยงจากฟาร์ม อีก 25% มาจากทะเลตามธรรมชาติ (ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปและกระทรวงพาณิชย์)
- มีการนำเข้าปลาแซลมอนจากประเทศนอร์เวย์ มากถึง 150 ประเทศ
- เนื้อปลาแซลมอน ไม่ได้มีแค่สีส้ม แต่ยังมีสีส้มเข้มออกแดงไปจนถึงสีขาว ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์, อาหารที่ได้รับ, ขนาด, และอายุของปลาแซลมอน
- ที่ปลาแซลมอน มีเนื้อสีส้มอมแดง เกิดจากการกินแพลงตอน, หอย, และกุ้งเป็นอาหาร เพราะในตัวสัตว์ที่กล่าวมามีสารที่ชื่อว่า แอสตาแซนทิน หรือสารที่เร่งสีส้ม
- คนไทยทานปลาแซลมอนจากประเทศนอร์เวย์ปีละ 4,500 ล้าน ทำให้สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ถึงกับย้ายสำนักงานจากสิงคโปร์มากรุงเทพฯ
- ปลาแซลมอนที่หายากที่สุด ราคาแพงที่สุด และเหลือน้อยเต็มที คือ ปลาแซลมอนเนื้อขาว หรือ ปลาแซลมอนชินุค
- ปลาแซลมอน มีโอกาสเปลี่ยนสีผิวได้มากถึง 3 เฉดสี อย่างปลาแซลมอนซอคอาย เริ่มแรกลำตัวมีสีค่อนข้างสว่าง ด่างเป็นจุด ๆ แต่พอโตเต็มที่ผิวก็จะเปลี่ยนเป็นสีเงินเหลือบน้ำเงิน พอถึงช่วงที่ต้องวางไข่ ลำตัวจะกลายเป็นสีแดง ส่วนหัวจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
- การทานปลาแซลมอนดิบ ๆ จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับอสุจิ
วิธีการทานปลาแซลมอนหรือปลาดิบให้ปลอดภัย
การเลือกซื้อปลาแซลมอนดิบ ๆ มาทำเป็นซาซิมิทานเองนั้น เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะถ้าเจอร้านที่ไม่สะอาด คุณภาพไม่ดีแล้ว นอกจากจะเสียดายเงิน เสียความรู้สึก ยังส่งผลเสียต่อร่างกายอีกด้วย เพื่อให้สาวกแซลมอน ทานปลาดิบได้อย่างปลอดภัย เราจึงได้รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นในการทานปลาแซลมอนมาไว้ที่นี่แล้ว
- ปลาแซลมอนที่มีคุณภาพ ควรบรรจุในถุงสุญญากาศ ที่ผ่านการแช่แข็งมาที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียสอย่างน้อย 7 วัน หรือแช่แข็งในอุณหภูมิ -35 องศาเซลเซียสอย่างน้อย 12 ชั่วโมง
- เลือกซื้อปลาแซลมอนจากร้านอาหารที่สะอาด ปลอดภัย ไว้ใจได้เท่านั้น เพื่อป้องกันการย้อมสีปลาแซลมอน และปรสิตในปลาแซลมอน
- หากซื้อมาทานเองที่บ้าน ควรเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง และไม่ควรเก็บเกิน 2 สัปดาห์
- หลังจากนำปลาแซลมอนไปประกอบอาหารเสร็จแล้ว ควรทานให้หมดภายในเวลา 2 ชั่วโมง เพราะถ้าเกิน 2 ชั่วโมงไปแล้ว รสชาติอาจจะไม่อร่อยเหมือนเดิม
- หลีกเลี่ยงปลาแซลมอนที่ไม่ได้บรรจุถุงสุญญากาศ หรือปลาแซลมอนที่วางบนน้ำแข็ง เพราะปลาแซลมอน อาจติดเชื้อโรคได้
- ไม่ควรวางปลาแซลมอนไว้นอกตู้เย็นนานเกิน 1-2 ชั่วโมง เพราะอุณหภูมิห้อง จะทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตเร็วขึ้น
ปลาแซลมอน ทานแบบไหนก็อร่อย
1.ปลาแซลมอนย่าง
การนำปลาแซลมอนไปย่าง ถือเป็นวิธีที่ดีต่อสุขภาพอย่างมาก สายเฮลท์ตี้ก็สามารถทานได้ ยิ่งทานคู่กับสลัดยิ่งอร่อย
คำแนะนำ : ไม่ควรย่างเกิน 10 -15 นาที
2.ปลาแซลมอนกระป๋อง
ปัจจุบัน ทั้งปลาทูน่า ปลาแมกเคอเรล และปลาแซลมอน มีวางขายตามท้องตลาด ห้างสรรพสินค้า ในรูปแบบกระป๋องแล้ว นอกจากจะช่วยถนอมอาหาร ยืดอายุในการทานมากขึ้น คุณค่าทางอาหารก็ไม่ได้ลดลงไปด้วย ถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ สำหรับผู้ที่ซื้อปลาแซลมอนมาเป็นตัว แล้วกลัวทานไม่หมด หรือว่าเดินทางไปสถานที่ไกล ๆ พกปลาแซลมอนกระป๋องไว้ทานก็สะดวกสุด ๆ เลยค่ะ
คำแนะนำ : ควรอ่านรายละเอียดที่ระบุข้างกระป๋องให้ดีว่า มีวิธีการเก็บรักษาอย่างไร หมดอายุวันไหน ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เท่าไหร่
3.ปลาแซลมอนดิบ หรือ ซาซิมิ
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า ซาซิมิคืออะไร ซาซิมิคือ การนำเนื้อสัตว์ดิบ ๆ โดยเฉพาะปลาแซลมอนมาหั่นหรือแล่สด ๆ ทานคู่กับซอสปรุงรสของญี่ปุ่นอย่าง โซยุ และ ทสึมะ (เครื่องเคียงต่าง ๆ ของประเทศญี่ปุ่น) เช่น วาซาบิ, ขิงดอง, หัวไชเท้าขูดเส้น, และใบชิโสะ
ซาซิมิ ถือเป็นเมนูยอดฮิต ไม่ว่าจะเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นร้านไหน ต้องมีเมนูนี้เสมอ ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงชอบทาน นั่นเพราะว่า ปลาแซลมอนเวลาทานแบบดิบ ๆ ได้คุณค่าทางสารอาหารมากกว่าการนำไปทอด, ย่าง, อบ และคุณจะได้ลิ้มรสชาติหวาน มัน ที่แท้จริงของปลาแซลมอนจริง ๆ รสชาติที่หาจากที่ไหนไม่ได้
คำแนะนำ : การทานปลาแซลมอนดิบ ๆ หรือซาซิมิ ไม่ว่าจะทานที่ร้านอาหาร หรือซื้อมาทำทานเอง ควรเลือกร้านที่มีคุณภาพ สะอาดจริง ๆ และควรศึกษาเรื่องการเลือกปลาแซลมอน และวิธีการเก็บรักษาด้วย
แม้ว่าราคาปลาแซลมอนจะแพงไปหน่อย แต่ถ้าเทียบกับคุณค่าสารอาหารที่ได้รับ และรสชาติที่ไม่เหมือนใคร ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ ใครที่งบน้อยแต่อยากลองทานปลาแซลมอน
สามารถสั่งเป็นเซ็ตเล็ก ๆ ตามร้านอาหารญี่ปุ่นมาทานก่อนได้ค่ะ ราคาหลักร้อยก็มี ส่วนสาวกปลาแซลมอนคนไหนที่เคยทานปลาแซลมอนชินุคที่เป็น King Salmon รสชาติดีสมคำร่ำลือจริงไหม มาเล่าให้เราฟังกันได้นะคะ
Resoure : https://th.openrice.com
https://www.sanook.com
https://www.jgbthai.com
https://www.wongnai.com
https://kiji.life.com
https://makrohorecaacademy