คงไม่มีใครไม่รู้จัก เครื่องดื่ม ชาไทย (Thai Tea) หรือที่บางคนเรียกว่าชาเย็น ชานมสีส้ม เป็นเครื่องดื่มที่อร่อย ถูกใจชาวไทยและชาวต่างชาติมาก อร่อยขนาดที่ว่าเว็บไซต์อาหารยอดนิยมอย่าง TasteAtlas ได้จัดอันดับเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่อร่อยที่สุดในโลก
ซึ่ง ชาไทย บ้านเราได้ติดอันดับ 7 ของโลกด้วย ได้รับคะแนนมากถึง 4.7 ดาวเลย สร้างความภูมิใจให้แก่คนไทยอย่างมาก ๆ และสำหรับใครที่อยากทราบเรื่องราวของ ชาไทย อย่างลึกซึ้งล่ะก็ ติดตามได้จากบทความนี้เลย ..
ประวัติชาไทย
แรกเริ่มเดิมทีคนไทยรู้จักชาร้อนมาตั้งแต่สมัยพระนารายณ์มหาราชแล้ว แต่วิธีการดื่มชาของคนไทยจะแตกต่างจากที่อื่นคือ อมน้ำตาลกรวดไว้ในปากก่อน แล้วจึงค่อยจิบชาร้อนตาม ด้วยความที่อากาศในประเทศไทยมันร้อน การดื่มชาร้อนทุกวันก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก คนไทยในสมัยนั้นจึงเลือกดื่มแค่เฉพาะวันสำคัญ หรือวันที่ต้องพบปะผู้คนแทน
ต่อมาประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากประเทศอินเดีย จากชาที่ดูธรรมดา ๆ ก็เริ่มมีการใส่นม ใส่น้ำตาลลงไป หลายปีต่อมาประเทศไทยก็ได้มีโรงงานน้ำแข็งเกิดขึ้นเป็นแห่งแรก สามารถผลิตน้ำแข็งเองได้ บวกกับในยุคนั้นเริ่มมีร้านกาแฟโบราณเกิดขึ้น จึงทำให้ชาไทยมีทั้งแบบเย็นและแบบร้อน และกลายเป็นที่นิยมแพร่หลายกันมากยิ่งขึ้น จนในปัจจุบันได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่อร่อยที่สุดในโลกอย่างที่เห็นนี่แหละ
ชาไทย ชาเย็น ชาดำเย็น ชานม ชานมสีส้มคืออะไร
เป็นเรื่องที่สงสัยกันมานานมากว่า จริง ๆ แล้ว ชาไทย ชาเย็น ชาดำเย็น ชานม ชานมสีส้ม มันคือเมนูเดียวกันไหม หรือต้องเรียกว่าอะไร เราเลยได้ข้อสรุปว่า..
- ชาไทย ชาเย็น และชานมสีส้มเป็นเมนูเดียวกันคือ ชาร้อน ใส่นม ใส่น้ำตาล และน้ำแข็ง
- ชาดำเย็นคือ ชาร้อน ใส่น้ำตาล และน้ำแข็ง
- ชานมคือ ชาซีลอน ใส่นม ใส่น้ำตาล และน้ำแข็ง หรือชาที่ใช้กับไช่มุก
สูตรเครื่องดื่มชาไทย
ด้วยกระแสความอร่อยที่มาแรงของชาไทย เราจึงได้เลือกสูตรที่อร่อยที่สุด และสามารถนำไปทำขายได้ เพื่อน ๆ ลองไปทำตามกันดูนะ รับรองว่าอร่อยแสงออกปากอย่างแน่นอน!
วัตถุดิบ
1.) ชาตรามือหรือชาแดง 70 กรัม
2.) น้ำร้อนจัด 1,200 มิลลิลิตร
3.) ชาไทยผงสำเร็จรูป KC Interfood 15 กรัม (เสริมความเข้มข้น)
4.) น้ำตาลทรายขาว 130 กรัม
5.) ครีมเทียม 200 กรัม
6.) นมข้นจืด 120 มิลลิลิตร
7.) นมข้นหวาน 200 มิลลิลิตร
วิธีทำ
1.) นำใบชาใส่เหยือก ชายี่ห้ออะไรก็ได้ แต่ที่เลือกใช้จะเป็นชาตรามือหรือชาแดง
2.) นำน้ำร้อนจัด ๆ เทใส่ลงในชาที่อยู่ในเหยือก จากนั้นใช้ช้อนชงด้ามยาว คนชากับน้ำร้อนให้เข้ากัน (คนประมาณ 10-20 ครั้ง) หรือใครจะไม่คนก็ได้
3.) จากนั้นปิดฝาและทิ้งไว้ 10-15 นาที วิธีนี้เป็นการอบชา การอบชาจะช่วยทำให้รสชาติเข้มข้นขึ้น แต่ถ้าอบชานานเกินไป ชาจะมีรสชาติฝาด
4.) ระหว่างที่อบชา ให้ผสมนมข้นจืดกับนมข้นหวานรอไว้เลย และคนให้ทั้ง 2 อย่างเข้ากัน จะได้เป็นนมผสม
5.) เมื่อครบเวลาอบชา 15 นาทีแล้ว จะได้ชาที่ดูอิ่มน้ำพองตัว ให้เตรียมเหยือกใบใหม่กับถุงกรองที่ผ่านการลวกน้ำร้อน จากนั้นเทสกัดน้ำชาลงไปในเหยือกใบใหม่ให้ได้ปริมาณ1,000 มิลลิลิตร
6.) เมื่อเทชาลงในเหยือกถึง 1,000 มิลลิลิตรแล้ว ให้ใส่ผงชาไทยเข้มข้น KC Interfood 15 กรัมลงไป ตามด้วยน้ำตาลทรายขาว ครีมเทียม และคนให้ละลาย
7.) เมื่อละลายแล้วให้ใส่นมผสมลงไป (นมผสมคือ นมข้นจืด+นมข้นหวานตามขั้นตอนที่ 4) จากนั้นคนทุกอย่างให้เข้ากัน เมื่อคนจนเข้ากันจะได้ชาไทยที่หอมน่าทานมาก ๆ
แต่แนะนำว่าให้นำชาไทยไปแช่เย็นเป็นเวลา 1 คืนหรือ 8 ชั่วโมงก่อน ระหว่างแช่ต้องปิดฝาให้สนิทด้วย ที่ต้องแช่ไว้ก่อนเพราะจะช่วยให้ชาไทยมีความเข้มข้นและหวานมันขึ้น
8.) เมื่อครบ 1 คืน ให้นำชาไทยออกมาจากตู้เย็น และคนชาไทยให้เข้ากันก่อนทุกครั้ง ที่ต้องคนก่อนเพราะเวลาที่นำไปแช่เย็นนาน ๆ ส่วนผสมหนัก ๆ จะนอนก้นอยู่ข้างล่าง
9.) เมื่อคนเข้ากันดีแล้ว เทใส่แก้ว ใส่น้ำแข็ง พร้อมเสิร์ฟได้เลย หรือใครอยากทานชาไทยสไตล์โบราณ สามารถใส่นมข้นจืดเพิ่มด้านบนได้เลย
ชาไทยเครื่องดื่มที่ช่วยดับกระหายความร้อน ความเหนื่อยได้ดีที่สุด อย่าลืมไปทำตามกันดูนะ จะทำทานเองก็อร่อย หรือจะทำขายมันก็เริ่ด สูตรนี้รับประกันความอร่อย ไม่เหมือนใครแน่นอนจ้า