มะเขือเทศ เป็นผลไม้ที่ถือว่าเป็นผัก โดยนักโภชนาการในทางพฤกษศาสตร์ ผลไม้คือ รังไข่ดอกไม้ที่สุก และมีเมล็ด แต่ในทางโภชนาการคำว่า “ผลไม้” ถูกใช้เพื่ออธิบายพืชที่มีรสหวานและมีเนื้อ ส่วน “ผัก” ใช้เพื่อบ่งบอกถึงส่วนต่างๆของพืชที่มีฟรุกโตสไม่สูงนัก
ในหลายวัฒนธรรมมักจะเสิร์ฟผักเป็นส่วนหนึ่งของอาหารจานหลัก หรือเครื่องเคียง ในขณะที่ผลไม้รสหวานมักเป็นของว่างหรือของหวาน ดังนั้น ราก หัว ลำต้น ตา ดอก ใบ และผลไม้ ทางพฤกษศาสตร์บางชนิดรวมทั้งถั่วเขียวฟักทองและมะเขือเทศ แน่นอนว่าเป็นผักทั้งหมด
มะเขือเทศ มีรสชาติอ่อนๆและมักจะเป็นสีแดงแม้ว่าจะมีสีอื่นด้วยเช่นกัน เช่น เหลือง ส้ม ไปจนถึงม่วง อุดมไปด้วยสารอาหาร เช่น วิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งเบต้าแคโรทีนและไลโคปีน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
สายพันธ์มะเขือเทศ ( ส่วนใหญ่เป็นลูกผสม )
1.มะเขือเทศเชอร์รี่ (Cherry Tomatoes)
มะเขือเทศเชอร์รี่มีลักษณะกลม ขนาดพอดีคำ และฉ่ำมากจนอาจแตกเมื่อคุณกัดเข้าไป มะเขือเทศเชอร์รี่ 1 ลูก (17 กรัม) ให้พลังงานเพียง 3 แคลอรี่ และปริมาณวิตามิน แร่ธาตุหลายชนิด นิยมรับประทานกับสลัดหรือเป็นอาหารว่าง และเหมาะสำหรับเสียบไม้ย่างบาร์บีคิวหรือใส่ในเคบัป
2.มะเขือเทศองุ่น (Grape Tomatoes)
มะเขือเทศองุ่นมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของมะเขือเทศเชอร์รี่ น้ำน้อยและมีรูปร่างยาว มะเขือเทศองุ่น 1 ลูก (8 กรัม) ให้พลังงานเพียง 1 แคลอรี่ นิยมรับประทานกับสลัดหรือเป็นอาหารว่าง
3.มะเขือเทศโรม่า (Roma Tomatoes)
มะเขือเทศโรม่ามีขนาดใหญ่กว่ามะเขือเทศเชอร์รี่และองุ่น แต่ไม่ใหญ่พอที่จะใช้หั่น รูปร่างคล้ายพลัม จึงถูกเรียกอีกอย่างว่า มะเขือเทศพลัม (Plum Tomatoes)
มะเขือเทศโรมาหนึ่งลูก (62 กรัม) ให้พลังงาน 11 แคลอรี่และไฟเบอร์ 1 กรัม มีรสหวานและฉ่ำตามธรรมชาติ จึงนิยมบรรจุกระป๋องหรือทำซอส หรือทานคู่กับสลัด
4.มะเขือเทศสเต็ก (beefsteak Tomatoes)
มะเขือเทศสเต็กมีขนาดใหญ่และเนื้อแน่น มีรสชาติอ่อนๆและชุ่มฉ่ำ มะเขือเทศเนื้อขนาดใหญ่ (182 กรัม) ให้พลังงาน 33 แคลอรี่ เส้นใย 2 กรัมและวิตามินซี 28% ซึ่งเป็นวิตามินต้านอนุมูลอิสระ สร้างภูมิคุ้มกัน นิยมหั่นบางๆใส่ในแซนวิชหรือแฮมเบอร์เกอร์ นำมาบรรจุกระป๋องหรือทำซอส
5.มะเขือเทศแฮร์ลูม (Heirloom Tomatoes)
มะเขือเทศแฮร์ลูมมีขนาดและสีแตกต่างกัน ตั้งแต่สีเหลืองอ่อน สีเขียว สีม่วงแดง จนถึงสีแดงเข้ม มีรสชาติเค็มๆ หวานๆ มะเขือเทศขนาดกลาง (123 กรัม) ให้พลังงาน 22 แคลอรี่
และเบต้าแคโรทีน 552 ไมโครกรัม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงสายตา เนื่องจากมีรสชาติกลมกล่อม จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการบรรจุกระป๋องทำซอสและรับประทานสดๆ
6.มะเขือเทศเถาวัลย์ (Tomatoes on the vine)
มะเขือเทศเถาวัลย์มีขนาดใหญ่ เนื้อแน่น มักขายทั้งเถาวัลย์เพื่อช่วยยืดอายุการเก็บรักษา มะเขือเทศขนาดกลาง (123 กรัม) ให้พลังงาน 22 แคลอรี่
และไลโคปีน 3,160 ไมโครกรัม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ในการป้องกันโรคหัวใจ นิยมหั่นบางๆใส่ในแซนวิช และบรรจุกระป๋องหรือทำซอส
7.มะเขือเทศสีเขียว (Green Tomatoes)
มะเขือเทศสีเขียวสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ มีสีเขียวเมื่อสุกเต็มที่และเปลี่ยนเป็นสีแดง เมื่อสุกเต็มที่ มีเนื้อแน่น หั่นง่าย มีรสเปรี้ยวและสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ มะเขือเทศสีเขียวขนาดกลาง (123 กรัม) ให้พลังงาน 28 แคลอรี่
นิยมนำมาบรรจุกระป๋องและทำซอส และเครื่องปรุงรสต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามมะเขือเทศสีเขียวที่ยังไม่สุกจะมีอัลคาลอยด์ในปริมาณที่สูงกว่าผลสุก ซึ่งทำให้ย่อยยาก อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารดังนั้น จึงไม่ควรรับประทานแบบดิบๆ
วิธีการเก็บรักษามะเขือเทศ
แนะนำให้เก็บมะเขือเทศไว้ที่อุณหภูมิห้อง เนื่องจากจะรักษารสชาติและเนื้อสัมผัสได้ดีที่สุด ซึ่งแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดขึ้นอยู่กับความสุกของมะเขือเทศ นั่นคือ
- มะเขือเทศสีเขียวที่ยังไม่สุก
ให้คว่ำก้านลงในถุงกระดาษหรือในกล่องกระดาษแข็งชั้นเดียว วางในที่เย็นจนมะเขือเทศเปลี่ยนเป็นสีแดง
- มะเขือเทศที่สุกสมบูรณ์
ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากแสงแดด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอยู่ในชั้นเดียวไม่สัมผัสกันและวางด้านข้างขึ้น ที่สำคัญควรบริโภคภายใน2-3วัน
- มะเขือเทศสุกที่ผิวสัมผัสแดงมาก
ควรเก็บไว้ในตู้เย็น อากาศเย็นจะช่วยไม่ให้มะเขือเทศสุกมากขึ้นและอยู่ได้อีก 3 วัน ก่อนรับประทานให้นำออกจากตู้เย็นและทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง
วิธีนี้จะช่วยคืนรสชาติที่เสียไปเนื่องจากการแช่เย็นได้ มะเขือเทศเป็นวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมสำหรับอาหารชั้นเลิศของคุณ หวังว่า บทความนี้จะช่วยให้คุณเลือกประเภทของมะเขือเทศที่เหมาะสมกับความต้องการในการปรุงอาหารของคุณได้
Resource:
https://www.britannica.com/story/is-a-tomato-a-fruit-or-a-vegetable
https://www.healthline.com/nutrition/types-of-tomatoes
https://www.popsugar.com/food/How-Store-Tomatoes-18676736#