นอกจากจะเป็นสมุนไพรชั้นเลิศแล้ว ยังถูกยกย่องให้เป็นราชินีผักเขียวอีกด้วย ซึ่งเป็นผักอื่นใดไปไม่ได้ นั่นคือ ‘หอมหัวใหญ่’ ฤทธิ์ของนางช่างสวนทางกันสะเหลือเกิน
เนื่องจาก หอมหัวใหญ่ นั้นมีกลิ่นที่ฉุนมาก และไม่ได้หอมอย่างที่คิดไว้เลย แถมทำเอามือใหม่ที่กำลังหัดเข้าครัวต้องนั่งน้ำตาร่วงอีกต่างหาก
แต่ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่ชอบทาน หอมหัวใหญ่ เพราะไม่ว่า หอมหัวใหญ่ จะอยู่ในเมนูไหน ก็แสนจะโคตรอร่อยเชียวล่ะ อย่างเช่น ผัดเปรี้ยวหวาน, มักกะโรนี, หมูเกาหลี,
หรือจะนำ หอมหัวใหญ่ ไปชุบแป้งทอด ทานเล่นเพลินๆ ก็อร่อยไปอีกแบบ สำหรับใครที่อยากรู้จัก หอมหัวใหญ่ มากยิ่งขึ้น บทความนี้ ไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน…
ชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์
- Allium cepa L
ชื่อเรียกท้องถิ่น
- หัวหอม
- หอมหัวใหญ่
- หัวหอมใหญ่
- หอมฝรั่ง
- หอมหัว
ต้นกำเนิดหอมหัวใหญ่
หอมหัวใหญ่ มีต้นกำเนิดมาจากในทวีปเอเชียกลาง ทวีปเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ และชาวตะวันตกก็ต่างยกย่องให้ หอมหัวใหญ่ เป็นราชินีผักเขียว ส่วนแหล่งผลิตหลักๆนั้นอยู่ที่ประเทศจีน, สหรัฐอเมริกา, และประเทศอินเดีย
หอมหัวใหญ่ จัดเป็นพืชล้มลุก มีลักษณะกลมๆ คล้ายหยดน้ำ เปลือกนอกบาง ตอนเป็นต้นอ่อนเปลือกจะเป็นสีขาว วางทับซ้อนๆกันหลายชั้น แต่เมื่อแก่ เปลือกจะแห้งและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
แล้วผักสีแดงอมม่วง ที่มีขนาดเท่าหอมหัวใหญ่ คือ หอมหัวใหญ่สีม่วงใช่ไหม ?
ด้วยความที่มีลักษณะรูปร่าง ขนาด ที่เหมือนกัน แตกต่างกันที่สี หลายคนจึงเกิดความสับสนว่า ‘จริงๆแล้วหอมหัวใหญ่ มีสีม่วงด้วยใช่ไหม หรือเป็นสายพันธุ์ต่างประเทศกันนะ’
เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนจะมาสรุปคร่าวๆให้ฟังว่า ผักสีแดงอมม่วง ที่มีขนาดเท่าหอมหัวใหญ่ที่ทุกคนเห็นกันนั้น เรียกว่า ‘หอมแขก’
หอมแขก คือ ผักชนิดหนึ่งที่มีลำต้นอยู่ใต้ดิน เนื้อข้างในจะเหมือนหอมหัวใหญ่มาก มีรสชาติเผ็ดร้อน สรรพคุณจะช่วยในเรื่องแก้ปวดประจำเดือน, ขับพยาธิ เป็นต้น
แล้วผักสีแดงอมม่วง แต่มีขนาดเล็กกว่าหอมแขก เรียกว่า หอมแขกเล็กหรือเปล่า ?
เป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้ เพราะสิ่งแรกที่คุณเห็นคือ ผักทั้งสองชนิดนี้มีสีที่เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่ขนาดเท่านั้น ทำให้เข้าใจผิดคิดว่า ผักทั้งสองชนิดคือ ตระกูลเดียวกัน
แต่ในความเป็นจริง ผักสีแดงอมม่วงที่มีขนาดเล็กกว่าหอมแขก ไม่ได้เรียกว่า หอมแขกเล็ก แต่เรียกว่า ‘หอมแดง’ และทั้งสองชนิดนี้ไม่ได้อยู่ในตระกูลเดียวกัน สรรพคุณก็แตกต่างกัน หอมแดงจะมีกลิ่นฉุนกว่าหอมแขก และหอมแขกจะมีรสชาติที่หวานกว่าหอมแดง
ปลูกหอมหัวใหญ่ช่วงไหน ถึงจะเหมาะสม
ช่วงที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกจะเป็นช่วงตุลาคม – พฤศจิกายน หอมหัวใหญ่ชอบอยู่ในดินที่ร่วนซุย แต่ถ้าคุณมีดินเหนียว ก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่เมื่อใช้ดินเหนียวปัญหาที่ตามมาคือ
เมื่อเปียกน้ำดินจะจับตัวกันเป็นก้อน ถ้าขาดน้ำดินจะแตกระแหง ทำให้หอมหัวใหญ่มีการเจริญเติบโตที่ไม่ดีนัก แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการใส่ปุ๋ยมูลสัตว์ลงไป นั่นเอง
สำหรับบทความนี้ เอาใจคนมีพื้นที่เพาะปลูกน้อยกันสักหน่อย สำหรับหอมหัวใหญ่นั้น สามารถปลูกในกระถางได้ ถ้าถามว่า โตง่ายไหม? ก็ต้องขึ้นอยู่กับวิธีการดูแล ซึ่งวิธีการปลูกนั้นง่ายมาก เชื่อว่า ผู้อ่านที่ทำตามต้องปลูกหอมหัวใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน
การเตรียมดิน
สำหรับการเตรียมดิน ควรใช้ดินร่วนซุย และผสมทราย 30% ขี้หมูอีก 10 % ซึ่งขี้หมูจะช่วยบำรุงหัวใจ และจะง่ายในการรดน้ำ จากนั้น ใส่ปูนขาวเล็กน้อย เพื่อปรับสภาพดิน แต่ถ้าไม่มีปูนขาว สามารถใช้กากกาแฟแทนได้แต่ต้องตากให้แห้งเสียก่อน เพื่อป้องกันสัตว์ในดิน
ขั้นตอนการเพาะปลูก
1.เลือกหอมหัวใหญ่
สามารถเลือกซื้อได้ตามตลาด โดยเลือกหอมหัวใหญ่ที่มีเปลือกสีน้ำตาล
*หากหอมหัวใหญ่มีสีน้ำตาล นั่นหมายความว่า หอมหัวใหญ่ลูกนั้นแก่แล้ว ซึ่งเหมาะมาก หากจะนำมาเพาะปลูก
2.ผ่าหอมหัวใหญ่
วิธีการผ่าหอมหัวใหญ่ คือ ผ่าตามแนวนอน โดยแยกหัวและหางของหอมหัวใหญ่จะได้ทั้งหมด 2 ส่วน
3.เลือกหอมหัวใหญ่ที่มีราก
เมื่อคุณผ่าหอมหัวใหญ่ ตามขั้นตอนที่ 2 แล้ว เท่ากับว่าตอนนี้ คุณมีหอมหัวใหญ่ 2 ส่วน ให้คุณเลือกส่วนที่มีรากมา และผ่าเป็นรูปเครื่องหมายบวก ซึ่งจะได้ 4 ส่วนเล็กๆ จะเห็นได้ว่า ใน 4 ส่วนที่ผ่ามานั้น จะติดรากทุกส่วน
4.ใส่หอมหัวใหญ่ลงในกระถาง
นำหอมหัวใหญ่ที่ผ่าเตรียมไว้ ใส่ลงในกระถางที่เตรียมดินไว้เรียบร้อยแล้ว โดยฝังหอมหัวใหญ่ลงดิน 2 ส่วน 3 จากนั้น นำไปวางไว้ที่แสงแดดไม่จัดจนเกินไป
5.หมั่นรดน้ำหอมหัวใหญ่
สำหรับการรดน้ำ สามารถรดได้ทั้งเช้าและเย็น แต่ต้องรดน้ำตรงบริเวณหัวของหอมหัวใหญ่ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนใบหอมหัวใหญ่เริ่มโผล่ขึ้นเหนือดิน
6.แยกรากหอมหัวใหญ่
ก่อนจะแยกรากหอมหัวใหญ่ใส่ในกระถางใหม่นั้น ให้ทำการรดน้ำกระถางเก่าเสียก่อน เพื่อจะได้นำหอมหัวใหญ่ออกมาได้ง่ายขึ้น เมื่อนำหอมหัวใหญ่ออกมาจากดิน
จะพบว่า ชิ้นส่วนที่ผ่าไว้ในขั้นตอนที่ 3 เนื้อมันแห้งและหลุดออก แต่มีต้นและรากใหม่โตขึ้นมาแทน สิ่งที่คุณทำต่อไปคือ นำรากใหม่ใส่ในกระถางใหม่ที่เตรียมไว้
*ถ้าดินที่เตรียมไว้ รดน้ำแล้ว ไม่จำเป็นต้องรดน้ำซ้ำอีกครั้ง หอมหัวใหญ่ต้องระวังอย่างมาก เรื่องการให้น้ำ และสำหรับกระถางใหม่ ก่อนการนำรากหอมหัวใหญ่ใส่ลงไปในดิน ให้คุณขุดดินเป็นหลุมให้ลึกพอประมาณเสียก่อน
เห็นแบบนี้ ศัตรูเยอะเหมือนกันนะ
สำหรับศัตรูของหอมหัวใหญ่ จะเป็นพวกแมลง เช่น มดง่าม แมงกะชอน หนอนกระทู้ เพลี้ยไฟ
*หนอนกระทู้ ถือเป็นศัตรูที่ร้ายกาจ เพราะมันจะกัดกินใบทั้งกลางวันและกลางคืน
วิธีแก้ไข
ควรใช้ยาเคมีออลดรินชนิดผงละลายน้ำ และฉีดให้ทั่ว
คุณประโยชน์ของหอมหัวใหญ่
หอมหัวใหญ่ มีสรรพคุณเช่นเดียวกับกระเทียม แต่มีฤทธิ์อ่อนกว่า การทานหอมหัวใหญ่ จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย, ช่วยในการนอนหลับได้สบายมากขึ้น, ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ, ลดความเสี่ยงของอัมพาต, แก้ท้องร่วง, รักษาแผลเป็นหนอง, รักษาโรคผิวหนัง, กลาก, รังแค เป็นต้น
หลักการเลือกหอมหัวใหญ่
สำหรับการเลือกหอมหัวใหญ่ รวมถึงหอมแดง ควรเลือกที่มีผิวแห้ง เปลือกบาง ไม่ฝ่อ ไม่มีรอยเน่า ไม่มีจุดราสีดำขึ้น
หากทานหอมหัวใหญ่ไม่หมด! มีวิธีการเก็บรักษาอย่างไร
หอมหัวใหญ่และหอมแดงไม่ควรเก็บใส่ถุงเป็นอันขาด วิธีที่ดีที่สุดคือ ใส่ไว้ในตะกร้าที่มีอากาศถ่ายเท ไม่ชื้นจนเกินไป
หอมหัวใหญ่ ราคาเท่าไหร่?
ตลาดนัดเกษตรไพรซ์
หอมหัวใหญ่ 18.00 บาทต่อกิโลกรัม (ข้อมูลประจำวันที่ 5 มีนาคม 2564)
ตลาดศรีเมือง
หอมหัวใหญ่ 18.00 บาทต่อกิโลกรัม (ข้อมูลประจำวันที่ 5 มีนาคม 2564)
ตลาดไท
หอมหัวใหญ่ 10.00 บาทต่อกิโลกรัม (ข้อมูลประจำวันที่ 5 มีนาคม 2564)
สปาเกตตีซอสกุ้ง รสเด็ด
ถ้าทานร้านอาหารข้างนอก ราคาจะอยู่ที่ 100 บาทขึ้นไป ซึ่งถ้าเทียบกับการทำทานเองที่บ้าน สามารถทำให้คนที่บ้านทานได้หลายจานเชียวนะ ซึ่งสำหรับสปาเกตตีซอสกุ้งสูตรนี้ การันตีเลยว่า อร่อยมาก สามารถทำขายก็ยังได้เลยค่ะ
เส้นสปาเกตตี (กะปริมาณตามที่คุณต้องการ)
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำมันมะกอก ใส่ไม่ต้องเยอะ
กุ้ง (ปอกเปลือก) 10-15 ตัว
ไข่ไก่ 2 ฟอง
กระเทียมสับ 5 เม็ด
หอมหัวใหญ่ 1 หัว (หั่นเตรียมไว้เลย)
แครอท ครึ่งส่วน (หั่นเตรียมไว้เลย)
มะเขือเทศ 2 ลูก (หั่นเตรียมไว้เลย)
ต้นหอม 2 ต้น (หั่นเตรียมไว้เลย)
เนยเค็ม กะพอดี ไ่ม่เยอะเกินไป
ซอสมะเขือเทศ 300 กรัม (ขวดเล็ก)
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนชา
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนชา
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
วิธีต้มเส้นสปาเกตตี
1.ต้มน้ำให้เดือด
2.ใส่เกลือลงไป เพื่อเพิ่มรสชาติของตัวเส้น จากนั้น ตามด้วยน้ำมันมะกอก เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม และไม่ให้เส้นสปาเกตตีติดกัน
3.จากนั้น นำเส้นสปาเกตตีใส่ลงไปในหม้อที่น้ำยังเดือดอยู่ ต้มจนสุกตามที่คุณต้องการ (ประมาณ 6 นาที)
*อย่าสุกมากจนเกินไป เพราะยิ่งเวลานำเส้นสปาเกตตีไปผัดจะยิ่งเละขึ้นไปอีก
4.เมื่อเส้นสปาเกตตีสุกตามที่ต้องการแล้ว ให้ตักใส่ชาม
*สำหรับใครที่ยังไม่อยากผัด สามารถนำไปแช่ในน้ำเย็น สะเด็ดน้ำออก และเก็บไว้ทานในวันอื่นได้
5.จากนั้น คลุกเส้นด้วยน้ำมันมะกอกอีกครั้ง
วิธีทำสปาเกตตีซอสกุ้ง
1.ตั้งกระทะ ไฟกลาง
2.ใส่เนยลงไปในกระทะ เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม ตามด้วยน้ำมันมะกอก คนให้เข้ากัน
*ใครไม่ชอบน้ำมันมะกอก สามารถใช้น้ำมันพืชแทนได้
3.นำกุ้งลงไปผัด สุกประมาณ70 % และตักขึ้นพักไว้ก่อน เพราะกุ้งสุกไว จะไม่ผัดนาน
4.นำแครอทหอมหัวใหญ่ และกระเทียมลงไปผัด
5.เมื่อผัดจนหอมหัวใหญ่เริ่มสุก ให้ใส่ไข่ลงไป ขยี้ไข่ไก่ให้แตกตัว รอไข่ไก่สุก และผัดให้เข้ากันอีกครั้ง
6.ใส่มะเขือเทศลงไป แต่ถ้าคุณไม่ชอบมะเขือเทศที่นิ่มมาก ให้ใส่ตอนสุดท้าย ตามด้วยพริกไทย, ซีอิ้วขาว, น้ำตาลทราย, และซอสมะเขือเทศ
*อย่าพึ่งใส่ซอสมะเขือเทศเยอะ เพราะถ้าเปรี้ยวไปจะแก้ลำบาก
7.เมื่อได้รสชาติตามที่ต้องการ จากนั้น ใส่เส้นสปาเกตตีลงไปผัด ตามด้วยกุ้งที่พักไว้ เมื่อคลุกเคล้าเข้ากันแล้ว ถ้าไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม ให้ใส่ต้นหอมลงได้เลย พร้อมเสิร์ฟ
Resoure :
https://www.kcfresh.com
https://www.trueplookpanya.com