เคยสงสัยไหม มันฝรั่ง ที่เราทานกันอยู่นั้น เป็นผักหรือผลไม้กันแน่ เพราะไม่ว่าจะนำ มันฝรั่ง ไปทำอะไร ก็ดีไปเสียหมด สามารถนำไปประกอบอาหารอย่างซุปไก่ ทำเป็นอาหารทานเล่นอย่างเฟรนช์ฟรายส์
หรือนำ มันฝรั่ง ไปมาร์คหน้า ลดรอยคล้ำใต้ดวงตา ซึ่งคุณประโยชน์ที่มากมายขนาดนี้ จึงทำให้ใครหลายคนอาจเกิดความสับสนได้ เพื่อคลายข้อสงสัย เราเลยนำคำตอบมาฝากกันค่ะ
ชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์
- Solanum tuberosum L.
ชื่อเรียกท้องถิ่น
- มันเทศ
- มันอาลู (ภาคเหนือ)
- มันอีลู (ภาคเหนือ)
ต้นกำเนิดมันฝรั่ง
มันฝรั่ง หรือที่เรียกว่า มันอาลู มีต้นกำเนิดอยู่ที่เม็กซิโกและชิลี เป็นพืชล้มลุก ชอบอยู่ในอากาศที่หนาวเย็น ถ้าในประเทศไทย ส่วนใหญ่มักจะปลูกกันทางภาคเหนือ
สำหรับมันฝรั่ง มีหลากหลายสายพันธุ์ ถ้าสายพันธุ์ในประเทศไทย จะเป็นสายพันธุ์ของพวกชาวเขาเผ่าต่างๆ จะมีลักษณะหัวกลม เนื้อสีขาว เปลือกมีสีเหลืองๆ อย่างที่เห็นตามท้องตลาด ตามห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
ส่วนสายพันธุ์ต่างประเทศ ได้แก่ สายพันธุ์บินท์เจ (ประเทศเนเธอร์แลนด์) แต่ที่นิยมปลูกมากที่สุดคือ สายพันธุ์เมอร์คา, สปันตา, และโดนาตา ทั้ง 3 สายพันธุ์นี้ จะให้ผลผลิตสูงกว่าสายพันธุ์บินท์เจ
มันฝรั่ง เป็นผักหรือผลไม้กันแน่นะ ?
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ‘ผัก’ จะไม่มีเมล็ด สามารถทานได้ทุกส่วน เป็นพืชที่เกิดจากเมล็ดงอกขึ้นมาเป็นลำต้น มีใบอยู่บนดิน และมีรากลึกลงไปในดิน สังเกตง่ายๆคือ จะมีคำว่า ‘ผัก’ นำหน้า เช่น ผักชี ผักบุ้ง
แต่ใช่ว่าคำที่ไม่มี ‘ผัก’ นำหน้า หรือไม่มีเมล็ดจะแปลว่าไม่ใช่ผักนะ ซึ่งต้องดูให้ดีๆ อย่างเช่น หอมใหญ่ แครอท พวกนี้ก็ไม่มีเมล็ด แต่อยู่ในจำพวกผัก และรวมถึงมันฝรั่งด้วย
ปลูกมันฝรั่งช่วงไหน ถึงจะเหมาะสมที่สุด
มันฝรั่ง เป็นพืชผักที่ชอบแสงแดด ชอบอยู่ในดินร่วนปนทราย สำหรับการปลูกมันฝรั่ง สามารถปลูกได้ 2 ช่วง คือ ในฤดู กับ นอกฤดู
- ในฤดู (เดือนพฤศจิกายน – เดือนมีนาคม) เป็นช่วงที่เหมาะแก่การปลูกมันฝรั่งอย่างมาก ส่วนใหญ่จะปลูกทางภาคเหนือ หรือที่ที่มีอากาศหนาวเย็น
- นอกฤดู (เดือนเมษายน – ตุลาคม) สามารถปลูกได้ แต่ไม่ค่อยแนะนำสักเท่าไหร่ เพราะผลผลิตจะไม่ค่อยดีเท่ากับปลูกในฤดู อีกทั้ง ช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนด้วย
ขั้นตอนการปลูกมันฝรั่ง ฉบับคนญี่ปุ่น
สำหรับการปลูกมันฝรั่ง สามารถปลูกตามกันได้ง่ายๆ ขั้นตอนไม่ได้ยุ่งยากเลยค่ะ เหมาะสำหรับคนมีพื้นที่เพาะปลูกกลางๆ คนงบน้อยสามารถปลูกตามได้ ใช้เวลาเพียง 4 เดือนเท่านั้น คุณก็จะได้ทานมันฝรั่งที่แสนอร่อยแล้ว
1.เตรียมแปลงปลูก
2.เตรียมหัวพันธุ์
สำหรับการเตรียมหัวพันธุ์ มีด้วยกัน 2 วิธี
วิธีที่ 1 ปลูกโดยใช้หัวมันฝรั่ง หัวเดียวใหญ่ๆ วางไว้ในดินได้เลย
วิธีที่ 2 นำหัวมันฝรั่งผ่าออกเป็น 2 ซีก ค่อยนำไปปลูก วิธีนี้ จะได้ต้นพันธุ์ที่เยอะ และประหยัดในการหาหัวมันฝรั่งด้วย
3.เพาะหัวมันฝรั่ง ให้งอกก่อนนำไปปลูก
นำหัวมันฝรั่งที่สมบูรณ์ที่สุดมาเตรียมไว้ จากนั้น ใช้มีดคมที่ผ่านการล้าง ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ ผ่าหัวมันฝรั่งออกเป็นชิ้นๆ ตามตาที่อยู่บนหัวมันฝรั่ง จากนั้น วางไว้ในที่ร่ม รอจนยอดหรือหน่อแตกออกมา ค่อยนำไปปลูก
หมายเหตุ สามารถนำปูนขาวทาที่หัวมันฝรั่งก่อนผ่าได้ค่ะ เพื่อไม่ให้เกิดเชื้อรา
4.ปลูกหัวมันฝรั่ง
เมื่อเตรียมแปลงปลูก และหัวมันฝรั่งเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมา คือการปลูกหัวมันฝรั่ง โดยจะฝังหัวมันฝรั่งในดิน ลึกประมาณ 2-3 นิ้ว และดูแลรดน้ำตามปกติเช้าและเย็น เมื่อครบ 1 เดือน จึงค่อยทำการใส่ปุ๋ยในขั้นตอนต่อไป
5.ใส่ปุ๋ย น้ำยาไล่แมลง และการคูณโคน
เมื่อครบ 1 เดือน คุณจะเห็นว่า ต้นมันฝรั่งมีลักษณะที่โตขึ้นกว่าเดิม และเป็นพุ่มใหญ่ ถ้าคุณต้องการหัวมันฝรั่งที่ใหญ่หน่อย ควรถอนลำต้นออกบ้าง ให้เหลือประมาณ 5-6 ต้นต่อ 1 กอ (สำหรับกอใหญ่)
แต่ถ้าหัวมันฝรั่งขนาดไม่ใหญ่มาก ถอนออกให้เหลือประมาณ 3 ต้นพอค่ะ หรือถ้าคุณมีพื้นที่เพาะปลูกน้อย จะไม่ถอนออกก็ได้ แต่จะได้หัวมันฝรั่งที่ค่อนข้างเล็ก
ส่วนการใส่ปุ๋ย สำหรับหัวมันฝรั่ง 1 กอจะใช้ปุ๋ยประมาณ 1 กรัม ควรพรวนดินรอบๆ ขอบใบหัวมันฝรั่ง และโรยปุ๋ยลงไป จากนั้น ใช้พลั่ว หรือไม้ คุ้ยดิน ให้ปุ๋ยลงไปใต้ดิน และรดน้ำให้ชุ่ม ทิ้งไว้ 1-3 วัน
จากนั้น พรวนดิน 1 รอบ และนำดินไปคูณโคน หลังจากนี้ จะไม่ใส่ปุ๋ยแล้ว รอเก็บเกี่ยวทีเดียว ช่วงการเก็บเกี่ยวประมาณ 4 เดือนหลังจากจบขั้นตอนนี้
การคูณโคน คืออะไร?
คูณโคนคือ การนำดินไปกลบโคนของหัวมันฝรั่ง กลบจนกลายเป็นเนินภูเขาไฟ เพื่อกระตุ้นให้หัวมันฝรั่งโตไว และดกมากยิ่งขึ้น
หมายเหตุ สำหรับสูตรน้ำยาไล่แมลง จะใช้เป็นน้ำส้มควันไม้ผสมน้ำยาล้างจาน แต่สูตรนี้ ต้องใช้คู่กับสูตรอื่นๆด้วย เพราะแมลงไวต่อกลิ่น สามารถพัฒนาปรับตัวให้เข้ากับกลิ่นได้
ดังนั้น จึงต้องมีการสลับกลิ่นไปเรื่อยๆ อีกทั้ง สูตรนี้ ยังป้องกันรากเน่า โคนเน่า ป้องกันเพลี้ยแป้ง เพลี้ยกระโดด และช่วยสังเคราะห์น้ำตาลของพืช อีกด้วย แต่สำหรับใครที่มีงบมากหน่อย แนะนำว่า ให้หามุ้ง หรือสแลนคลุมป้องกันแมลงจะดีกว่า
6.การเก็บเกี่ยว
ตั้งแต่การปลูก จนถึงการเก็บเกี่ยว จะใช้เวลาอย่างน้อย 120 วัน (3-4 เดือน) วิธีสังเกตง่ายๆว่า ใต้ดินมีหัวมันแล้ว พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวได้แล้วนะ คือ ต้นมันฝรั่งจะเริ่มออกดอก ดอกเริ่มร่วง หรือต้นเริ่มเหี่ยว ใบเริ่มเหลือง ถ้ามีลักษณะตามที่กล่าวมา คุณสามารถเก็บเกี่ยวได้ทันที
คุณประโยชน์ของมันฝรั่ง
ช่วยลดความดันโลหิตสูง, ลดไขมัน, รักษาโรคโลหิตจาง, สร้างเม็ดเลือดแดงในร่างกาย, ทำให้หลับสบาย, ป้องกันไข้หวัด, ป้องกันไตอักเสบ, รักษาคางทูม, ถอนพิษที่เป็นอันตรายในตับ, รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก, ขับน้ำนมของสตรีได้ดี, ดูดซึมอาหารได้ดี, ลดอาการบวม, ลดรอยคล้ำใต้ตา, ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว, เป็นต้น
หมายเหตุ ในหัวมันฝรั่งจะมีวิตามินซี ถ้าทานมากจนเกินไป จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร จนทำให้รู้สึกท้องอืดได้
หลักการเลือกมันฝรั่ง
สำหรับการเลือกมันฝรั่ง ต้องเริ่มจากตัวคุณเสียก่อนว่าจะนำไปทำอะไร ถ้าต้องการนำไปประกอบอาหาร เช่น ซุป แนะนำว่า ใช้มันฝรั่งที่มีขนาดเล็ก หรือนำไปทำเป็นเฟรนช์ฟรายส์
ก็เลือกมันฝรั่งที่มีขนาดใหญ่หน่อยและควรเลือกมันฝรั่งที่มีผิวสวย เรียบเนียน เปลือกสีเหลือง เนื้อแน่น ไม่มีรากงอกออกมา หรือมีรอยเน่าเป็นสีดำๆ
หากทานมันฝรั่งไม่หมด! มีวิธีการเก็บรักษาอย่างไร
วิธีการเก็บรักษามันฝรั่ง คือ เก็บไว้ในลัง ปิดให้สนิท ไม่ให้โดนแสงแดด และห้ามโดนน้ำเด็ดขาด วิธีนี้ สามารถเก็บมันฝรั่งไว้ทานได้เป็นปีๆเลยค่ะ
หมายเหตุ ถ้ามันฝรั่งโดนน้ำ จะทำให้รากงอก และอาจจะทานไม่ทัน
มันฝรั่ง ราคาเท่าไหร่?
ถ้าซื้อแต่มันฝรั่ง ราคาค่อนข้างดีเลยค่ะ ไม่แพงจนเกินไป แต่อย่าให้นำมาแปรรูปเชียวนะ ราคาสูงมากๆ เลย
ตลาดนัดเกษตรไพรซ์
มันฝรั่ง 23 บาทต่อกิโลกรัม (ข้อมูลประจำวันที่ 26 มีนาคม 2564)
ตลาดสี่มุมเมือง
มันฝรั่ง 20 บาทต่อกิโลกรัม (ข้อมูลประจำวันที่ 25 มีนาคม 2564)
ตลาดศรีเมือง
มันฝรั่ง 26 บาทต่อกิโลกรัม (ข้อมูลประจำวันที่ 26 มีนาคม 2564)
ตลาดไท
มันฝรั่ง ขนาดเล็ก 24 บาทต่อกิโลกรัม
มันฝรั่ง ขนาดกลาง 25 บาทต่อกิโลกรัม
มันฝรั่ง ขนาดใหญ่ 26 บาทต่อกิโลกรัม
(ข้อมูลประจำวันที่ 26 มีนาคม 2564)
เฟรนช์ฟรายส์
สำหรับเมนูในบทความนี้ เชื่อว่า ต้องเคยทานมาแล้วอย่างแน่นอน และอาจเป็นเมนูในดวงใจของใครหลายๆคน เฟรนช์ฟรายส์ สามารถหาซื้อได้ แค่เดินเข้าเทสโก้ โลตัส, ห้างสรรพสินค้าต่างๆ คุณก็สามารถซื้อมาทำทานที่บ้านได้แล้ว
หรืออยากได้แบบทอดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็แค่เดินเข้าไปในตลาดนัด แต่ถ้านำมาเทียบกับราคาและปริมาณที่ได้รับ กลับกลายเป็นว่า มันไม่คุ้มกับผู้บริโภคเอาเสียเลย ดังนั้น เราจึงนำวิธีการทำเฟรนช์ฟรายส์ ในราคาถูกๆ แถมเก็บไว้ทานได้นานๆ มาฝากกันค่ะ
วัตถุดิบ
- มันฝรั่งสด 6-7 หัว หรือมากกว่านั้น (เพราะสามารถแช่เก็บไว้ทานได้หลายเดือนเลย)
- เกลือ 3 ช้อนชา
วิธีการแปรรูปจากมันฝรั่ง กลายเป็นเฟรนช์ฟรายส์
1.ล้างมันฝรั่งให้สะอาด
2.ปอกเปลือกมันฝรั่งออกให้หมด
3.นำไปล้างในน้ำสะอาดอีกครั้ง
4.เตรียมหม้อ จากนั้นใส่เกลือ, น้ำสะอาด (ปริมาณครึ่งหม้อ) และพักทิ้งไว้
5.หั่นมันฝรั่งตามแนวยาว ใครชอบหนาหน่อย ก็หั่นหนาๆได้เลย
6.เมื่อหั่นมันฝรั่งเรียบร้อยแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำเกลือที่เตรียมไว้ ในขั้นตอนที่ 4 แช่ไว้ 30 นาที
7.เมื่อครบ 30 นาที ให้ล้างออกด้วยน้ำเปล่าอีก 2 ครั้ง
8.ใส่น้ำในหม้อใบใหม่ ตั้งน้ำให้เดือด
9.นำมันฝรั่งที่ล้างน้ำเรียบร้อยแล้ว ใส่ในหม้อที่มีน้ำเดือด ต้มประมาณ 8 นาที ถ้ารู้สึกว่า เนื้อข้างนอกนิ่ม ข้างในยังไม่สุก สามารถตักออกได้เลย
10.นำไปผึ่งแดด หรือตากให้แห้ง
11.เมื่อรู้สึกว่า มันฝรั่งแห้งแล้ว สามารถนำไปทอดทานได้เลยค่ะ แต่ถ้าใครอยากเก็บไว้ทานวันอื่น สามารถตักใส่ถุง มัดปากให้แน่น นำไปแช่ช่องฟรีซ วิธีนี้ เก็บไว้ทานได้อีกนานเลยค่ะ
วิธีการทอดเฟรนช์ฟรายส์
1.ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ใช้ไฟกลาง
2.นำเฟรนช์ฟรายส์ที่เตรียมไว้ ลงไปทอดจนเป็นสีเหลืองอ่อนๆ
3.นำใส่จาน โรยเกลือเล็กน้อย พร้อมเสิร์ฟ
หมายเหตุ ควรมีกระดาษซับน้ำมันเตรียมไว้ด้วย และถ้าใครต้องการเฟรนช์ฟรายส์ที่มีรสชาติหน่อย สามารถใส่ผงปรุงรสชีส, ซาวครีม ได้เลยค่ะ
Resoure :
https://medthai.com
https://beautyseefirst.com